17.ถ้าเธอยังไม่เห็นตระหนักอย่างเด็ดขาดลงไปว่า จิต คือพุทธะ และถ้าเธอยังยึดมั่นถือมั่นต่อรูปธรรมต่าง ๆ ก็ดี ต่อวัตรปฏิบัติต่าง ๆ ก็ดี และต่อพิธีการบำเพ็ญกุศลต่าง ๆ ก็ดี แนวคิดเธอก็ยังผิดพลาดอยู่ไม่เข้าร่องเข้ารอยกับทางทางโน้น ทาง คือ วิธีปฏิบัติที่ทำให้จิตหนึ่ง หรือพุทธะแท้ปรากฏตัว
18.จิตหนึ่ง แจ่มจ้า ไร้ตำหนิ เป็นความว่างที่ไร้รูป หรือปรากฏการณ์ใด ๆ เลย ถ้าใช้จิตปรุงคิดฝัน (ไปผูกพันตัวเองกับรูปธรรมซึ่งเป็นเปลือก)เป็นสิ่งที่ไร้สาระ
19.การปฏิบัติทุกรูปแบบที่เป็นขั้นตอนต่าง ๆ เพื่อหวังเป็นพุทธะสักองค์ เป็นการคืบไปทีละขั้น แต่พุทธะมีอยู่ตลอดกาล หารใช่พุทธะที่ลุได้ด้วยการปฏิบัติเป็นขั้น ๆ ... เพียงแต่ตื่นและลืมตาต่อจิตหนึ่งเท่านั้น! ไม่มีอะไรต้องลุถึง นั่นคือพุทธะที่แท้จริง
20.พุทธะและสัตวโลกทั้งปวง ก็คือ จิตหนึ่ง เป็นจิตที่ไร้ความสับสน ไร้ความไม่ดีต่าง ๆ เป็นความว่างที่ไร้การเปลี่ยนแปลง
21.มีแต่จิตหนึ่งเท่านั้น และไม่มีอื่นใดแม้แต่อนุภาคเดียวจะอิงอาศัยได้ เพราะว่า จิตหนึ่ง คือพุทธะ ถ้าไม่ลืมตาต่อสิ่งที่เป็นสาระ คือจิตหนึ่งนี้แล้วเธอก็จะถูกปิดบังจิตนั้นเสียด้วยความคิดปรุงแต่งของเธอเอง เที่ยวแสวงหาพุทธะนอกตัวเธอเอง และพวกเธอยังยึดมั่นต่อรูปธรรมทั้งหลาย ต่อการปฏิบัติแบบเมาบุญต่าง ๆ และสิ่งอื่น ๆ ทำนองนั้น ทุกสิ่งเป็นอันตรายเพราะว่ามิใช่หนทางสู่ความรู้สูงสุดแต่อย่างไร
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น